วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

พืชไร่

เป็นพืชที่คล้ายพืชผักสวนครัวในบางส่วน เพราะสามารถเพาะปลูกเป็นแปลงก็ได้ เพาะปลูกเป็นหลุมก็ดี ที่ต่างออกไปคือการเพาะปลูก เป็นลานกว้างเป็นแปลงเดียวทั้งพื้นที่ หรือแบ่งเป็นแปลงใหญ่ๆ มีขั้นตอนดังนี้
การเลือกเมล็ดพันธุ์พิจารณาในเรื่องต่อไปนี้คือ

เหมาะสมกับพื้นที่ และฤดูกาล เช่น

พื้นที่ที่ปลูกเหมาะแก่พืชน้ำ หรือพืชดิน

ฤดูกาลการเพาะปลูก และการให้ผลผลิตต่อปี
การเตรียมแปลง

แบบที่ 1. เตรียมแปลงเหมือนผักสวนครัว

ทำแปลงลึกรูปตัว V เหมาะสมกับพืชที่ไม่ต้องการความชื้น เช่น แตงร้าน ถั่ว เป็นต้น

วิธีเตรียมดิน

1.
ขุดเป็นรูปตัว V ขนาดพอเหมาะ กว้าง และลึก ประมาณ 50 ซม.

2.
ใส่อินทรีย์วัตถุ เช่น หญ้าแห้ง ฟาง มูลสัตว์ ใบไม้แห้ง ฯลฯ

3.
โรยปุ๋ยแห้ง ตารางเมตรละ 1 กำมือ

4.
รดด้วยปุ๋ยน้ำ

5.
ปิดแปลงด้วยดิน คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง รดด้วยปุ๋ยน้ำ หมักไว้ 7 วัน จึงปลูกพืชิ




แบบที่ 2. เตรียมเป็นหลุมขนาดต่างๆ ตามลักษณะของพืช (ใช้กับการปลูก บวบ แตง ฟักทอง ฯลฯ)

วิธีเตรียมดิน

1.
ขุดหลุมประมาณ 30 x 30 ซ.ม. หรือ 50 x 50 ซ.ม.

2.
2-5 (ทำเหมือนแบบที่ 1)




แบบที่ 3. เตรียมแปลงปลูกเป็นแปลงใหญ่ แปลงเดียวหรือ หลายแปลง

วิธีเตรียมดิน

1.
ถ้ามีหญ้ามากดำเนินการดังนี้

ใส่ปุ๋ยแห้ง พ่นปุ๋ยน้ำ ให้ทั่ว

ไถและคราด หรือไถกลบ

พ่นปุ๋ยน้ำอีกครั้ง เพื่อช่วยให้หญ้างอก ทิ้งไว้ 10-15 วัน แล้วไถคราดอีกให้เป็นปุ๋ย 2 ต่อ

หากหญ้ายังไม่หมดพ่นปุ๋ยน้ำทิ้งไว้ 10-15 วัน แล้วไถคราดอีกครั้งจึงปลูก




2.
เตรียมหลุมในแปลงใหญ่ได้ สำหรับพืชที่ระยะห่างกันมาก เช่น แตง ฟักทอง ฯลฯ หรือขุดปลูกได้เลยตามลักษณะของพืช

พลังงานความร้อน

ความร้อนเป็นพลังงานรูปหนึ่งซึ่งอาจได้จากการแปลงรูปของพลังงานเคมีที่สะสมไว้ในวัตถุ วัตถุเมื่อได้รับพลังงานความร้อนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยอุณหภูมิเป็นปริมาณที่บอกระดับความร้อนของวัตถุ พลังงานความร้อนจะถ่ายโอนไปยังวัตถุต่าง ๆ ได้โดยการพาความร้อน การนำความร้อนและการแผ่รังสีความร้อน พลังงานความร้อนจะถ่ายโอนจากที่มีอุณหภูมิสูงไปยังที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า และหยุดถ่ายโอนพลังงานความร้อนเมื่ออุณหภูมิเท่ากัน วัตถุเมื่อได้รับพลังงานความร้อน นอกจากจะทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้วัตถุมีการเปลี่ยนแปลงสถานะหรือขยายตัวได้ วัตถุที่มีผิวสีต่างกันมีความสามารถในการรับและดูดกลืนพลังงานความร้อนต่างกัน โดยวัตถุที่มีผิวสีเข้มจะดูดกลืนพลังงานความร้อนได้ดีกว่า พลังงานเคมีที่สะสมในวัตถุสามารถแปลงรูปเป็นพลังงานความร้อนได้ วัตถุเมื่อได้รับพลังงานความร้อน อุณหภูมิจะสูงขึ้น โดยถ้าได้รับพลังงานความร้อนมาก อุณหภูมิก็จะเพิ่มสูงขึ้นมากด้วย ดังนั้น อุณหภูมิจะเป็นปริมาณที่บอกถึงระดับความร้อนของวัตถุ ซึ่งสามารถวัดอุณหภูมิได้โดยใช้เทอร์มอมิเตอร์ มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส

การเกิดไฟฟ้าสถิต

การที่ปริมาณประจุไฟฟ้าขั้วบวกและขั้วลบบนผิววัสดุมีไม่เท่ากันทำให้เกิดแรงดึงดูดเมื่อวัตถุทั้ง 2 ชิ้นมีประจุต่างชนิดกัน หรือเกิดแรงผลักกันเมื่อวัสดุทั้ง 2 ชิ้นมีประจุชนิดเดียวกัน เราสามารถสร้างไฟฟ้าสถิตโดยการนำผิวสัมผัสของวัสดุ 2 ชิ้นมาขัดสีกัน พลังงานที่เกิดจากการขัดสีกันทำให้ประจุไฟฟ้าบนผิววัสดุจะเกิดการแลกเปลี่ยนกัน โดยจะเกิดกับวัสดุประเภทที่ไม่นำไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า ฉนวน ตัวอย่างเช่น ยาง, พลาสติก และแก้ว สำหรับวัสดุประเภทที่นำไฟฟ้านั้นโอกาสเกิดปรากฏการณ์ประจุไฟฟ้าบนผิววัสดุไม่เท่ากันนั้นยากแต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น กรณีที่ผิวโลหะถูกกระแทกด้วยของแข็งหรือของเหลวที่ไม่เป็นตัวนำ ประจุที่เกิดการเคลื่อนย้ายระหว่างการสัมผัสจะถูกเก็บบนผิวของวัสดุทั้ง 2 ชิ้น
ไฟฟ้าสถิตเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่คุ้นเคยสำหรับประเทศที่มีอากาศหนาว ในฤดูหนาวสำหรับประเทศเหล่านี้ความชื้นในอากาศจะต่ำมาก การเกิดไฟฟ้าสถิตบนผิวหนังจะเกิดขึ้นง่ายมาก ดังนั้นเมื่อเกิดการสัมผัสกับวัสดุประเภทตัวนำจะทำให้เกิดการถ่ายเทประจุไปยังตัวนำอย่างรวดเร็วทำให้เกิดอาการสะดุ้งได้ และนอกจากนั้นยังสามารถทำความเสียหายให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ดึงข้อมูลจาก

ขนมไทย

ขนมไทยผูกพันแน่นแฟ้นกับวิถีชีวิตคนไทยมานาน และทวีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงปัจจุบันขนมไทยเป็นสิ่งที่จะขาดเสียมิได้ในการดำรงชีวิตของคนไทย แม้การ
ขายขนมจะไม่มีการทำอย่างแพร่หลายในสมัยก่อน คนไทยก็รู้จักที่จะทำขนมกินกันเอง เนื่องจากวิถีชีวิตคนไทยนั้นเป็นสังคมเกษตร สังคมชนบทที่มีผลิตผลทางธรรมชาติอยู่
มากมาย อาทิ มะพร้าว ตาล ที่ปลูกอยู่ในผืนดินของตนเอง ผลไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น กล้วย อ้อย มะม่วง รวมไปถึงข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวเม่า ข้าวตอก ฯลฯ ถ้าอยากได้กะทิก็ไป
เก็บมะพร้าวมาขูดแล้วครั้นเอาน้ำ ถ้าอยากได้แป้ง ข้าวก็มีพร้อมเพราะปลูกเอง โม่หรือหินโม่แป้งก็มีอยู่ทุกบ้าน เอามาโม่เข้าไม่นานก็จะได้แป้งสำหรับทำขนมอร่อย ๆ กินกันเอง
ในครอบครัว ถ้าทำจำนวนมากก็นำไปแบ่งปันให้เพื่อนบ้านได้ลิ้มรสด้วยก็ยังไหว

ขนมครกกับขนมกล้วยดูจะเป็นขนมยอดนิยมที่สุด เพราะส่วนผสมหรือเครื่องปรุงนั้นหาง่าย ตลอดจนกรรมวิธีในการทำก็ง่ายแสนง่ายทั้งเตาขนมครกก็มีขายมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
แล้ว ส่วนกล้วยและมะพร้าวก็มีกินกันอย่างเหลือเฟือหากไม่นำมาทำขนมกินก็ต้องเหลือทิ้งไปเปล่า ๆ ขนมน้ำเป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่ชาวบ้านนิยมทำกินกัน ที่ทำง่ายและนิยมกินที่
สุดเห็นจะได้แก่ขนมพวกแกงบวดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟักทองบวด มันบวด กล้วยบวดชี ถัดจากขนมน้ำก็ยังมีการถนอมอาหารเก็บไว้กินนาน ๆ ประเภทขนมเชื่อมและขนมกวน
รวมไปถึงผลไม้ดองและผลไม้แช่อิ่มอีกด้วย

การปลูกไม้ประดับ

การปลูกไม้ประดับ เป็นที่นิยมปลูกกันมากตามบ้านเรือน อาคารสำนักงานต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศสิ่งแวดล้อมให้สดชื่นมีชีวิตชีวาน่าอยู่ ไม้ประดับหาซื้อได้ง่ายหรือว่าจะปลูกเองแล้วเปิดร้านสถานเพาะชำ ใช้วัสดุอุปกรณ์ หรือภาชนะต่างๆ ประดับด้วยไม้นานาพันธุ์ หรือจะใส่กระถางมีที่รองรับหรือแขวนไว้ตามระเบียงก็ได้ ธุรกิจการปลูกไม้ประดับมีลูกค้าสนใจ และมีตลาดที่กว้างและกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ไม้ประดับที่นิยมปลูกกันทั่วไปสาวน้อยปะแป้ง นิยมปลูกเป็นไม้กระถางเลี้ยงเอาไว้ในร่มสามารถปลูกในดินทุกชนิด พื้นใบมีสีเขียวและขาวเป็นลายจุดแต้ม มีใบค่อนข้างใหญ่ และขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ พลูด่าง เป็นพันธุ์ไม้เลื้อย ใบสีเหลืองด่างสลับกับสีเขียวอ่อน นิยมปลูกให้เลื้อยขึ้นตามฝาผนังหรือว่าจะปลูกลงภาชนะเคลือบ ซึ่งมีรูปทรงต่างๆ การปลูกไม่จำเป็นต้องใช้ดินก็ได้ และขยายพันธุ์โดยการตัดยอดมาปักชำ วาสนา เป็นไม้ประดับอีกชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกกันมาก ตามขอบและกลางใบจะมีสีเหลืองสีเขียว สลับกันสามารถปลูกในร่มหรือจะปลูกกลางแจ้งก็ได้ส่วนการขยายพันธุ์ ก็ทำด้วยวิธีปักชำในดิน หรือในกะบะเพาะชำ

ราชินีหินอ่อน จะมีพื้นใบเป็นสีเขียว และมีลายสีเขียวประใบ คล้ายกับลายหินอ่อน ชอบอยู่ในที่ร่ม ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำยอด หรือจะนำส่วนของลำต้นไปปลูกในกระถางก็ได้ เล็บครุฑ เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 1-3 ฟุต มีใบสีเขียวอ่อนหรือด่างเรียวยาวเป็นฝอยๆ ริมใบขอบหยัก การขยายพันธุ์ทำได้โดยการปักชำกิ่งที่ไม่อ่อน และไม่แก่เกินไป เขียวหมื่นปี เป็นพันธ์ไม้ประดับที่มีรูปใบสวยงามมีสีเขียว และลวดลายบนใบที่แปลกตา ปลูกง่าย เพราะทนทาน อากาศที่แห้งแล้งได้ดี ขยายพันธุ์ด้วยการตัดยอดหรือลำต้นเป็นท่อนๆ แล้วนำไปปลูกในวัสดุเพาะชำ ซึ่งมีทรายผสมกับขุยมะพร้าว ไผ่ฟิลิปปินส์ เป็นพุ่มไม้ขนาดเล็กคล้ายกับกอไผ่ แตกกิ่งก้านสาขาจากโคนต้นใบมีสีเขียวเข้ม หรือมีจุดลายสีขาวแกมเหลือง จะขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอ และด้วยการปักชำกิ่ง ปลูกใส่กระถาง ฟิโลเดนดรอน เป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบเลื้อยตามสิ่งที่อยู่ใกล้ มีรากอากาศพยุงต้นไว้ ใบใหญ่ มีสีเขียวสดสีเหลือง บางชนิดมีสีชมพูหรือสีแสดอ่อนๆ ปลูกได้ในที่ร่ม และขยายพันธุ์ด้วยการปักชำยอด เหมาะสำหรับจะปลูกในกระถาง หมากผู้หมากเมีย จะมีสีแตกต่างกัน ชมพู เขียวสด แดง และขยายพันธุ์ด้วยการตัดชำส่วนยอดหรือถ้ามีหน่อก็ สามารถแยกปลูกได้เช่นกัน โกสน มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม มีสีต่างๆ สวยงาม เช่น สีแดง ชมพู เหลือง แสด ม่วงและขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ การตอน และการเสียบยอด เฟิร์นใบมะขาม เป็นไม้ตัดใบที่สามารถใช้ประโยชน์ได้มาก และได้รับความนิยมจากบุคคลทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ เป็นไม้ใบในร่ม ขยายพันธุ์ด้วยการแยกไหล มีลำต้นอยู่ใต้ดิน แขนงของลำต้นจะแตกขนานไปกับพื้นดิน และรากจะแตกใบขึ้นสามารถแยกปลูกได้การจัดจำหน่าย : เราสามารถจะปลูกขายได้ โดยการเปิดร้าน สถานที่เพาะชำขายพันธุ์ไม้ประดับหลากหลายพันธุ์ โดยการนำมาประดับตกแต่ง ใส่กระถางหรือภาชนะที่มีรูปลักษณะต่างกัน หรืออาจจะจัดส่งขายให้กับพ่อค้ารายใหญ่ ที่รับไปจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง เช่น ที่สวนจตุจักร หรือสถานที่ขายไม้ประดับ รับจัดสวนต่างๆ สามารถเป็นอาชีพเสริมได้เป็นอย่างดีเพราะกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายเคล็ดลับ : ในการปลูกไม้ประดับที่จะให้ได้ผลดีนั้น จะต้องรู้จักพันธุ์ไม้ประดับนานาพันธุ์เป็นอย่างดี สามารถขยายพันธุ์วิธีต่างๆ ได้ และที่สำคัญจะต้องมีใจรักด้วย

การปลูกไม้ประดับ

การปลูกไม้ประดับ เป็นที่นิยมปลูกกันมากตามบ้านเรือน อาคารสำนักงานต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศสิ่งแวดล้อมให้สดชื่นมีชีวิตชีวาน่าอยู่ ไม้ประดับหาซื้อได้ง่ายหรือว่าจะปลูกเองแล้วเปิดร้านสถานเพาะชำ ใช้วัสดุอุปกรณ์ หรือภาชนะต่างๆ ประดับด้วยไม้นานาพันธุ์ หรือจะใส่กระถางมีที่รองรับหรือแขวนไว้ตามระเบียงก็ได้ ธุรกิจการปลูกไม้ประดับมีลูกค้าสนใจ และมีตลาดที่กว้างและกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ไม้ประดับที่นิยมปลูกกันทั่วไปสาวน้อยปะแป้ง นิยมปลูกเป็นไม้กระถางเลี้ยงเอาไว้ในร่มสามารถปลูกในดินทุกชนิด พื้นใบมีสีเขียวและขาวเป็นลายจุดแต้ม มีใบค่อนข้างใหญ่ และขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ พลูด่าง เป็นพันธุ์ไม้เลื้อย ใบสีเหลืองด่างสลับกับสีเขียวอ่อน นิยมปลูกให้เลื้อยขึ้นตามฝาผนังหรือว่าจะปลูกลงภาชนะเคลือบ ซึ่งมีรูปทรงต่างๆ การปลูกไม่จำเป็นต้องใช้ดินก็ได้ และขยายพันธุ์โดยการตัดยอดมาปักชำ วาสนา เป็นไม้ประดับอีกชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกกันมาก ตามขอบและกลางใบจะมีสีเหลืองสีเขียว สลับกันสามารถปลูกในร่มหรือจะปลูกกลางแจ้งก็ได้ส่วนการขยายพันธุ์ ก็ทำด้วยวิธีปักชำในดิน หรือในกะบะเพาะชำ

ราชินีหินอ่อน จะมีพื้นใบเป็นสีเขียว และมีลายสีเขียวประใบ คล้ายกับลายหินอ่อน ชอบอยู่ในที่ร่ม ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำยอด หรือจะนำส่วนของลำต้นไปปลูกในกระถางก็ได้ เล็บครุฑ เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 1-3 ฟุต มีใบสีเขียวอ่อนหรือด่างเรียวยาวเป็นฝอยๆ ริมใบขอบหยัก การขยายพันธุ์ทำได้โดยการปักชำกิ่งที่ไม่อ่อน และไม่แก่เกินไป เขียวหมื่นปี เป็นพันธ์ไม้ประดับที่มีรูปใบสวยงามมีสีเขียว และลวดลายบนใบที่แปลกตา ปลูกง่าย เพราะทนทาน อากาศที่แห้งแล้งได้ดี ขยายพันธุ์ด้วยการตัดยอดหรือลำต้นเป็นท่อนๆ แล้วนำไปปลูกในวัสดุเพาะชำ ซึ่งมีทรายผสมกับขุยมะพร้าว ไผ่ฟิลิปปินส์ เป็นพุ่มไม้ขนาดเล็กคล้ายกับกอไผ่ แตกกิ่งก้านสาขาจากโคนต้นใบมีสีเขียวเข้ม หรือมีจุดลายสีขาวแกมเหลือง จะขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอ และด้วยการปักชำกิ่ง ปลูกใส่กระถาง ฟิโลเดนดรอน เป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบเลื้อยตามสิ่งที่อยู่ใกล้ มีรากอากาศพยุงต้นไว้ ใบใหญ่ มีสีเขียวสดสีเหลือง บางชนิดมีสีชมพูหรือสีแสดอ่อนๆ ปลูกได้ในที่ร่ม และขยายพันธุ์ด้วยการปักชำยอด เหมาะสำหรับจะปลูกในกระถาง หมากผู้หมากเมีย จะมีสีแตกต่างกัน ชมพู เขียวสด แดง และขยายพันธุ์ด้วยการตัดชำส่วนยอดหรือถ้ามีหน่อก็ สามารถแยกปลูกได้เช่นกัน โกสน มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม มีสีต่างๆ สวยงาม เช่น สีแดง ชมพู เหลือง แสด ม่วงและขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ การตอน และการเสียบยอด เฟิร์นใบมะขาม เป็นไม้ตัดใบที่สามารถใช้ประโยชน์ได้มาก และได้รับความนิยมจากบุคคลทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ เป็นไม้ใบในร่ม ขยายพันธุ์ด้วยการแยกไหล มีลำต้นอยู่ใต้ดิน แขนงของลำต้นจะแตกขนานไปกับพื้นดิน และรากจะแตกใบขึ้นสามารถแยกปลูกได้การจัดจำหน่าย : เราสามารถจะปลูกขายได้ โดยการเปิดร้าน สถานที่เพาะชำขายพันธุ์ไม้ประดับหลากหลายพันธุ์ โดยการนำมาประดับตกแต่ง ใส่กระถางหรือภาชนะที่มีรูปลักษณะต่างกัน หรืออาจจะจัดส่งขายให้กับพ่อค้ารายใหญ่ ที่รับไปจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง เช่น ที่สวนจตุจักร หรือสถานที่ขายไม้ประดับ รับจัดสวนต่างๆ สามารถเป็นอาชีพเสริมได้เป็นอย่างดีเพราะกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายเคล็ดลับ : ในการปลูกไม้ประดับที่จะให้ได้ผลดีนั้น จะต้องรู้จักพันธุ์ไม้ประดับนานาพันธุ์เป็นอย่างดี สามารถขยายพันธุ์วิธีต่างๆ ได้ และที่สำคัญจะต้องมีใจรักด้วย

มารยาทในสังคม

ความมุ่งหมาย เอกสารนี้ กรมข่าวทหารบก จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติและการวางตัวของข้าราชการในกองทัพบก ให้สอดคล้องกับสังคม
ต่างๆ อย่างกว้างๆ ซึ่งข้าราชการอาจจำเป็นต้องสัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติและการวางตัวในประเทศตะวันตกและประเทศหนาวบางประเทศ มักจะเคร่งครัดต่อ
มารยาทในการสังคม ซึ่งมารยาทการพูดจาการแต่งกาย จะเป็นเครื่องบ่งถึงระดับการสังคมของบุคคลนั้นๆ ข้าราชการที่เดินทางไปรับราชการในต่างประเทศจึงควรอย่างยิ่ง
ที่จะได้ดำรงชีวิตให้เหมาะสมและสอดคล้องกับระดับของสังคมที่ตนต้องเข้าไปสัมผัส
แนวทางในการปฏิบัตินี้ ได้รวบรวมมาจากประสบกาณ์ และจากการสังเกตหรือได้เข้าไปสัมผัส และวิพากษ์วิจารณ์กับข้อเสนอแนะจากบุคคลที่ทราบเรื่องดี
และหนังสือเกี่ยวกับด้านมารยาทสังคมของต่างประเทศมาประกอบอย่างไรก็ตาม แนวทางปฏิบัตินี้ไม่ใช่ว่าจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเสมอไป แต่เพียงให้ทราบความถูกต้องใน
มีความอ่อนตัวเพื่อให้เหมาะสมต่อสังคมนั้น ๆ ด้วย
คู่มือที่ควรดูประกอบเอกสารนี้ ได้แก่ คู่มือมารยาทสังคม (Etiquette) ต่างๆ หนังสือแต่ละเล่มย่อมมีข้อแนะนำที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี เอกสารนี้มิได้
บอกว่าอะไรถูกต้องแต่จะเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติที่ควรระมัดระวังเท่านั้น

การหายใจระดับเซลล์

เนื่องจาก ATP มีความสำคัญมากในการสร้างพลังงานภายในเซลล์ เซลล์จึงต้องสร้าง ATP ขึ้นมาใหม่ ตลอดเวลา ถ้าเราให้ร่างกายของคนเราประกอบด้วยเซลล์ประมาณ 20-30 ล้านล้านเซลล์ แต่ละเซลล์ จะต้องสลาย ATP ประมาณ 1-2 พันล้านโมเลกุล ให้เป็น ADP ทุก ๆ นาที หรือเทียบเท่ากับน้ำหนัก ถึงประมาณ 40 กิโลกรัมต่อวัน! เพื่อให้เราสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข ดังนั้นเซลล์จะต้องสร้าง ATP ขึ้นมาใหม่ ADP ที่เป็นผลจากการสลาย ATP จึงจะสามารถสร้าง ATP ได้พอกับความต้องการ
สารอินทรีย์อีกชนิดที่คล้ายคลึงกันคือ GTP (GUANOSINE TRIPHOSPHATE) ก็สามารถสะสม พลังงานในรูปของพลังงานพันธะและสามารถถ่ายทอดพลังงานนี้ไปยัง ATP ได้อีกด้วย (1 โมเลกุล GTP จะสามารถสร้าง ATP ได้ 1 โมเลกุล)
นอกจากนี้ยังมีสารอินทรีย์อีกพวกหนึ่ง สามารถเก็บสะสมพลังงานจากสารอาหารในรูปของอิเล็กตรอน ซึ่งจะสามารถปล่อยพลังงานที่สะสมไว้ออกมา เมื่อมีการถ่ายเทอิเล็กตรอนไปยังตัวรับอิเล็กตรอนอื่น ๆ พลังงานเหล่านี้จะถูกนำไปใช้สังเคราะห์ ATP เพื่อสะสมพลังงานไว้ใช้ต่อไป สารเหล่านี้ได้แก่ NAD+ (NICOTINAMIDE ADENINE DINUCLEOTIDE) และ FAD (FLAVIN ADENINE DINUCLEOTIDE) ในการรับอิเล็กตรอนของ NAD+ และ FAD นั้นมักมีการรับโปรตอน (H+) มาด้วย ทำให้โมเลกุลของสารทั้งสองตัวที่รับอิเล็กตรอนมาแล้วอยู่ในรูปของ NADH (ดูรูปที่ 2) และ FADH2 ตามลำดับ

สำนวนไทย

ประโยชน์ในการศึกษาสำนวนโวหาร
1. ทำให้ใช้ภาษาในการเขียน ความเรียงต่างๆ ได้ดีขึ้น เป็นการช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับความ เรียงที่เขียนขึ้น
2. ทำให้ได้คติสอนใจ ในด้านต่างๆ เช่น
- ด้านการเรียน ตัวอย่างๆ “รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม” “ฝนทั่งให้เป็นเข็ม” “ความรู้ท่วม หัวเอาตัวไม่รอด”
- ด้านการคบค้าสมาคม ตัวอย่าง “คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ” “คบเด็กสร้างบ้าน คบหัวล้านสร้างเมือง”
- ด้านการครองเรือน ตัวอย่าง “ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า” “ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ตามใจผู้นอน”
- ด้านความรัก ตัวอย่าง “ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน” “รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ” “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี”
3. ทำให้ทราบความเป็นอยู่ของคนในสังคม ในสมัยที่เกิดสำนวนโวหารนั้น ว่ามีความเป็นอยู่ อย่างไร เช่น “อัฐยายซื้อขนมยาย” “แบ่งสันปันส่วน” “หมูไปไก่มา”
4. เป็นการรักษาวัฒนธรรมทางภาษาอันเป็นมรดกที่ล้ำค่าของไทยไว้ให้ลูกหลานภาคภูมิ

คำซ้ำ

เกิดจากการสร้างคำขึ้นใหม่ โดยนำคำมูลซึ่งส่วนมากเป็นคำพยางค์เดียวมาซ้ำกัน มีความหมายเปลี่ยนแปลงไป อาจเน้นหนักขึ้น เบาลงหรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ในการเขียนใช้ไม้ยมกแทนคำหลังคำส่วนมากใช้เป็นคำซ้ำได้ มีเฉพาะบางคำที่เป็นคำซ้ำไม่ได้ บางคำต้องเป็นคำซ้ำเท่านั้นคำที่เป็นคำซ้ำไม่ได้ - กริยาช่วย เช่น จะ คง ได้ อาจ - บุพบท เช่น ของ แห่ง ด้วย กับ - สันธาน เช่น เมื่อ หลังจาก ตั้งแต่ และ แต่ หรือ จึง คำที่ต้องเป็นคำซ้ำ ส่วนมากเป็นคำวิเศษณ์ เช่น หยิมๆ หลัดๆ ดิกๆ ยองๆ นำคำซ้อนมาแยกเป็นคำซ้ำ เช่น เจ็บไข้ เป็น เจ็บๆ ไข้ๆ เลียบเคียง เป็น เลียบๆ เคียงๆ อิดเอื้อน เป็น อิดๆ เอื้อนๆ3. นำคำซ้ำมาประกอบเป็นคำซ้อน เช่น เปรี้ยวๆ เค็มๆ นั่งๆ นอนๆ เราๆ ท่านๆ4. คำซ้ำมีความหมายผิดไปจากคำมูลเดิม แต่ยังคงมีเค้าของความหมายเดิม 4.1 บอกพหูพจน์ คำเดิมอาจเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ได้ เมื่อเป็นคำซ้ำกลายเป็นพหูพจน์อย่างเดียว เช่น เด็กๆ เล่นฟุตบอล หนุ่มๆ มากับสาวๆ 4.2บอกความไม่เจาะจง การจำแนกเป็นพวก และความเป็นพหูพจน์ เช่นเชิญผู้ใหญ่ๆ ไปทางโน้น เด็กๆ มาทางนี้5. บอกความหมายใหม่ ไม่เนื่องกับความหมายของคำมูลเดิมเช่น พื้นๆ (ธรรมดา) กล้วยๆ (ง่าย) น้องๆ (เกือบ, ใกล้, คล้าย) อยู่ๆ ( เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ) งูๆปลาๆ6. คำที่ออกเสียงซ้ำกัน ไม่ใช่คำซ้ำเสมอไป คำซ้ำจะต้องเป็นคำมูลที่ออกเสียงซ้ำกันแล้วเกิดคำใหม่ขึ้นและมีความหมายเปลี่ยนไป คำซ้ำใช้ไม้ยมกแทนคำมูลหลังคำที่ออกเสียงซ้ำกันในบางกรณีเป็นคนละคำและอยู่ต่างประโยคกัน ไม่จัดเป็นคำซ้ำและใช้ไม้ยมกแทนคำหลังไม่ได้ เช่น เขาทำงานเป็นเป็นเพราะเธอสอนให้ เขาจะไปหาที่ที่สงบอ่านหนังสือ